จิว เครื่องประดับสุดเก๋ เท่ห์ ไม่ซ้ำใคร

หลายๆคงเห็นเทรนด์การเจาะร่างกายแล้วใส่เครื่องประดับลงไปที่กำลังฮิตมากในตอนนี้ แต่ยังไม่รู้ว่าเจาะตรงส่วนไหนของร่างกายให้ดูเท่ห์ ดูคูลดี หรือจะเลือกใช้จิวแบบไหนให้เหมาะ และนำเทรนด์ได้บ้าง?! วันนี้เรามีเทคนิคดีๆมากฝาก แต่ก่อนอื่นต้องไปรู้จักก่อนว่าเครื่องประดับเหล่านั้นคืออะไร?

จิว คือลักษณะของต่างหูอย่างหนึ่ง มาจากคำว่า Jewelry ใช้ตกแต่งประกับส่วนหู สร้างความเท่ห์ และเป็นเอกลักษณ์มากกว่าต่างหู รวมไปถึงการใช้เจาะในส่วนต่างๆของร่างกาย ตั้งแต่ หู ปาก จมูก สะดือ และคิ้ว การใช้จิวนิยมกันมาก ไม่ใช่แค่เพียงในผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปยังผู้ชายด้วย เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงามแล้ว ยังเพิ่มความเท่ห์ และความเป็นตัวของตัวเองได้อีกด้วย ต่างหูที่พบเห็นในปัจจุบันก็มีหลากหลายและมีการนำเอาจิวเพิ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นยอดฮิตที่ขาดไม่ได้ของวัยรุ่นเด็กแนวที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเอง

จิว คือ

ประเภทของ จิว

  • Earrings คือ ตุ้มหูแบบแป้นทั่วไป มีขนาดเล็ก ใช้ใส่บริเวณติ่งหู เป็นการเจาะหูแบบเบสิค
    วิธีใส่ : ถอดเป็นแบนด้านปลายแหลม และนำไปใส่ในรูที่เจาะไว้ และปิดแป้นลงไปให้แป้นอยู่ด้านหลังหู เพียงเท่านี้ตุ้มหูก็จะติดแน่นแล้ว
    วิธีถอด : ดึงแป้นออก และนำตุ้มหูออกจากหู และปิดแป้นเพื่อป้องกันการสูญหาย
  • Instud barbell คือ จิลที่มีลักษณะยาวตรง ตรงปลายทั้งสองด้านมีลูกตุ้มที่หมุนเพื่อถอดได้ ส่วนมากจะมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับเจาะลิ้นและคิ้วที่สุด
    วิธีใส่: จิลประเภทนี้มีความยาว จึงควรนำไปใส่ให้รูที่เจาะไว้โดยเฉพาะ เพราะต้องอาศัยการวัดระยะห่างระหว่างรู 2 รู และก้านจิล โดยเปิดตุ้มด้านนึงออกและสอดเข้าไประหว่างรูที่เจาะไว้ 2 รู และปิดตุ้ม
    วิธีถอด: ดึงตุ้มออก และนำก้านออกจากรูที่เจาะไว้ช้าๆ เพราะหากใส่ไว้นานจะทำให้แน่นหากดึงออกอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
  • Belly ring & Curve barbell คือ จิลที่มีลักษณะงอ ตรงปลายทั้งสองด้านมีลูกตุ้มที่หมุนเพื่อถอดได้ ถ้าเป็น Belly ring ก็จะมีการประดับตกแต่งด้วยพลอยสี หรือมีอุปกรณ์ประดับเพิ่มความสวยงาม
    วิธีใส่: ใส่บริเวณคิ้ว ลิ้น หรือสะดือ โดยจะต้องวัดขนาดการเจาะรูที่พอดีกับก้าน จากนั้นเปิดตุ้มด้านนึงออกและใส่ลงบนบริเวณที่ต้องการ จากนั้นปิดตุ้ม
    วิธีถอด: ดึงตุ้มออก นำก้านจิลออก และปิดตุ้มลงไป
  • Captive bead ring คือ จิลที่เป็นวงแหวน แต่จะมีลูกตุ้มคล้ายเป็นหัวแหวนที่หมุนเพื่อถอดได้ มีให้เลือกหลากหลายขนาด เหมาะสำหรับการเจาะและระเบิดหู
    วิธีใส่: ดึงก้านออกจากตุ้ม และใส่ไปในบริเวณที่ต้องการ จากนั้นปิดก้าน และหมุนให้ตุ้มอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ เช่น ติดใบหู หรือห้อยลงด้านล่างเป็นต้น
    วิธีถอด : ดึงตุ้มให้อยู่ด้านล่างก่อน แล้วค่อยดึงก้านออกจากตุ้ม หากตุ้มอยู่ใกล้ใบหูอาจทำให้ก้านอีกด้านไปขูดกับใบหู ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
  • Horseshoe หรือ circular ring คือ จิลรูปเกือกม้า หรือเกือบครึ่งวงกลม จะมีลูกตุ้มที่ปลายทั้งสองด้าน ถอดหมุนได้ ขนาดมีหลากหลาย เหมาะสำหรับใช้เจาะปาก เป็นต้น
    วิธีใส่: ดึงตุ้มออกด้านใดด้านหนึ่ง และใส่ไปในบริเวณที่ต้องการ และปิดตุ้มให้แน่น เพราะจิลลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะสวมใส่ให้คว่ำลง จึงทำให้ตุ้มอาจหลุดหายได้
    วิธีถอด: ดึงตุ้มออกด้านใดด้านหนึ่ง และค่อยๆหมุ่นก้านจิลออกมา และปิดตุ้มลงไปให้แน่น
  • Labret คือ จิลที่มีลักษณะคล้ายแบบ Stud เป็นระบบการใช้แป้นยึดด้านนึง แต่ลักษณะแป้นจะแตกต่างกันตรงที่จะนิยมตกแต่งด้วยเม็ดพลอย หรือเสริมความเท่ห์ด้วยการออกแบบด้วยลวดลายต่างๆ
    วิธีใส่: จิลลักษณะนี้อาศัยการวัดความยาวที่แม่นยำของรูที่เจาะ บริเวณริมฝีปาก การใส่จึงต้องดึงแป้นออก และนำบริเวณที่เป็นตุ้มหรือเม็ดพลอยไว้ด้านนอก จากนั้นปิดแป้นลงไป
    วิธีถอด: ถอดแป้นออก จากนั้นดึงก้านจิลออกมา แล้วจึงนำไปทำความสะอาดเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียด้วย
  • Plug คือ จิลทรงกระบอกหรือทรงหยดน้ำที่ตัน มักทำจากพลาสติก หรือวัสดุจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น ไม้ งาช้าง กระดูก เขาสัตว์ หรือหิน บางแบบก็ทำจากหลายอย่างประกอบกัน อาจจะมียางหรือวงแหวนเป็นตัวรัดกันเลื่อนด้วย ใช้สำหรับการระเบิดหูและขยายหู
    วิธีใส่: ใส่จิลจากขนาดเล็ก และค่อยๆเพิ่มไปเป็นขนาดใหญ่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รูที่มีขนาดตามต้องการ
    วิธีถอด: หากใส่จิลนี้ทำต้องใช้ระยะเวลาในการทำให้รูหูกลับมามีขนาดปกติ ดังนั้น หากได้ขนาดที่ต้องการแล้วควรใส่ขนาดนั้นเสมอ หรือหากต้องการถอด ให้ถอดจิลออกอย่างระมัดระวังแล้วจึงค่อยๆปรับขนาดให้เล็กลง ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • Faux plug คือ มีรูปร่างคล้าย Plug แต่ตรงกลางเป็นก้านธรรมดา
    วิธีใส่: ดึงแป้นขนาดใหญ่ด้านใดด้านหนึ่งออก แล้วจึงใส่เข้าไปยังบริเวณที่ต้องการ และปิดแป้นให้แน่นโดยให้แป้นอยู่ด้านหลังหู
    วิธีถอด: ดึงแป้นออก แล้วจึงค่อยดึงก้านจิลออก และปิดแป้นเก็บให้สนิท
  • Tunnel คือ จิวทรงกระบอกที่กลวงตรงกลาง เหมือนท่อน้ำใช้สำหรับระเบิดหูเช่นเดียวกัน
    วิธีใส่: ใส่จิลจากขนาดเล็ก และค่อยๆเพิ่มไปเป็นขนาดใหญ่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รูที่มีขนาดตามต้องการโดยใส่จิลลงไปให้ตรงกลางจิลอยู่ตรงกลางรูที่เจาะไว้ เพื่อให้แน่นและไม่เอียง
    วิธีถอด: ถอดจิลออกอย่างระมัดระวัง แล้วจึงค่อยๆปรับขนาดให้เล็กลง ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • Taper & Talon คือ จิวที่มีขนาดไม่เสมอกันตลอดทั้งอัน Taper จะเป็นทรงโคน คล้าย Plug และมียางรัดส่วน Talon จะมีรูปลักษณะอ่อนช้อยกว่าแล้วแต่การออกแบบ 
    วิธีใส่: ใส่จิวจากปลายด้านเล็กลงไปในบริเวณที่ต้องการและค่อยๆหมุนหรือขยับให้ปลายกว้างสุดอยู่พอดีรูที่เจาะไว้ เพียงเท่านี้ก็สวมจิลเสร็จแล้ว
    วิธีถอด: ค่อยๆหมุนจิลออก โดยดึงออกจากด้านกว้างสุด จนกว่าจิลจะออกจากรูที่เจาะไว้
  • Micro-Dermal สำหรับการเจาะฝังทำหน้าที่เหมือนหมุดลงไปในผิวหนัง ซึ่งจะไม่สามารถถอดออกได้ด้วยตนเอง
    วิธีใส่: การใส่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ โดยทำการเจาะลงไปบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการทันที
    วิธีถอด: การถอดต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ค่อยๆดึงหมุดออกมา แต่จะทำการรักษาง่ายกว่าการระเบิดหู
  • Suface bar สำหรับเจาะผิวหนังตามลำตัวถูกออกแบบมาให้เคลื่อนหลุดยากหลังจากที่ใส่เข้าไปใต้ผิวหนังแล้ว และไม่สามารถถอดออกเองได้เช่นกัน
    วิธีใส่: การใส่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ โดยทำการเจาะลงไปบนผิวหนัง 2 ด้านบริเวณที่ต้องการและฝังก้านจิลลงไปให้หมุดออกมาด้านนอก 2 ด้าน
    วิธีถอด: การถอดต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ค่อยๆดึงหมุดออกมาโดยเปิดหมุดด้านใดด้านหนึ่งออกก่อนแล้วจึงค่อยดึงก้านจิลออก

จิว ที่ได้รับความนิยม

จิวสะดือ 

จิวสะดือจะมีลักษณะปลายด้านหนึ่งจะเป็นลูกตุ้ม กลมๆ ติดกับก้านยาวโค้ง ไว้ใช้สำหรับยึดให้อยู่กับสะดือ ไม่ให้หลุดง่าย ส่วนอีกด้านจะเป็นลวดลายต่างๆ ไว้โชว์ให้คนอื่นๆเห็น มีลักษณะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

จิวหู

จิวหูที่นิยม แบบแรกคือแบบก้าน มักจะทำจากพลาสติก ตรงกลางเป็นก้านขนาดเล็ก เหมาะสำหรับคนที่กลัวเจ็บ แต่ยังอยากเท่ห์ อีกแบบหนึ่ง คือ จิวทรงกระบอก ไว้ใช้สำหรับขยายหู ตรงกลางกลวงเหมือนท่อน้ำ ขนาดใหญ่ทำให้เวลาสวมใส่ดูเท่ห์ไม่แพ้ใคร ส่วนอีกแบบที่กำลังฮิตมากๆคือจิวเกาหลี สวยละมุน สะดุดตามากๆ

จิวจมูก

จิวจมูกมีลักษณะเป็นวงแหวน แต่จะมีลูกตุ้มคล้ายหัวแหวน ไว้สำหรับประดับตกแต่งขนาด 0.8 มิล จิวจมูกนิยมตกแต่งด้วยเพชรหรืออื่นๆ ตามความชอบของตัวบุคคล

จิวลิ้น

มีลักษณะยาวตรง ปลายทั้งสองด้านมีลูกตุ้มสามารถถอดได้ ส่วนมากจะใช้สำหรับยึดติดกับลิ้น

จิวคิ้ว

มีลักษณะเหมือนกันกับจิวลิ้น แต่จะมีความโค้ง ไว้สำหรับยึดตามร่างกาย วัสดุจะคล้ายจิวประเภทอื่นๆ แต่ถูกออกแบบมาให้เคลื่อนหลุดยากกว่าแบบอื่นๆ

จิวปาก

มีแป้นยึดด้านใดด้านนึง  มีลักษณะต่างกันตามความชอบ เช่น ลูกตุ้ม แป้น หรือดอกไม้เป็นต้น และอีกแบบที่นิยมกันจะมีลักษณะเหมือนเกือกม้า เป็นวงรีไว้โค้งยึดนอกตัวริมฝีปาก 

ไอเดียใส่จิวแบบเก๋ๆไม่เหมือนใคร

จิวหู
เจาะใบหู เบสิค แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่จิวหูเพชรให้เท่ห์เหมือนใคร
 
จิวปาก
เจาะตรงริมฝีปาก เก๋ไก๋ใครๆก็เหลียวมอง
 
จิวคิ้ว
คิ้วก็เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งใส่จิวที่ฮิตสุดๆ เพราะใส่แล้วดูสะกดตามาก
 
จิวคอ
เจาะช่วงต้นคอ เพิ่มความเซ็กซี่ เสริมมัดผมโชว์ความเก๋

 

จิวใต้ตา
เจาะใต้ตา เสริมเอกลักษณ์ใครมองก็เป็นต้องตา
จิวข้อมือ
เจาะบริเวณข้อมือ สายเก๋ ชิค คูล ต้องห้ามพลาดจุดนี้!
 
จิวไหปลาร้า
เจาะไหปลาร้า เพิ่มความดุดัน อวดหุ่นสวยๆให้ใครๆก็อิจฉา
 
จิวหน้าอก
เจาะหน้าอก เผ็ดพริก 3 เม็ด!!
 
จิวลิ้น
เจาะลิ้น เพิ่มความขี้เล่น แบบใสๆ
 
จิวสะดือ
เจาะสะดือ คิ้วท์ๆ อวดหุ่นให้คนอิจฉา

เห็นไอเดียดีๆแบบนี้แล้ว เลือกตำแหน่ง เลือกจิวแล้วไปเจาะกันเลย เพราะแฟชั่นไม่เคยคอยใครแล้วเราจะรออะไร!? แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ก็ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาด ของจิวและแผลหลังการเจาะให้สะอาดนะ ที่สำคัญอย่าลืมเลือกร้านที่มีมาตรฐาน และสะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วยนะ.

Reference

http://www.eardots.com

https://www.jewhu.com