ตามมาดู แบบกระเป๋าหนัง 4 แบบ หนังประเภทไหนดีและทนกว่ากัน
เชื่อหรือไม่ว่า 90% ของคนทั่วโลกไม่รู้ว่ากระเป๋าที่ตัวเองใช้อยู่นั้น ทำมาจากหนังอะไร และเป็นหนังประเภทไหน แม้ว่าจะเลือกใช้กระเป๋าหนังมาแล้วเป็นสิบ ๆ ปีก็ตาม บางคนอาจจะแยกประเภทตามเกรดราคา พอเห็นว่ามีราคาสูงก็คิดว่าเป็นหนังแท้ทั้งหมด ในวันนี้เรามาไขข้อข้องใจกันดีกว่าว่าหนังที่ใช้ทำกระเป๋านั้น ทำมาจากหนังอะไร และมีหนังชนิดไหนบ้าง
กระเป๋าหนังแท้ กระเป๋าหนังเทียม คืออะไร ต่างกันอย่างไร
อ้างอิง : pinterest
กระเป๋าหนังแท้ ทำมาจากหนังสัตว์จริง ๆ ที่นำหนังสัตว์มาฟอก ย้อมสี เพื่อให้เป็นหนังสำเร็จรูปแล้วนำมาผลิตเป็นเครื่องหนัง ต่าง ๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด สายนาฬิกา และเบาะรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ และในประเทศไทยเองนิยมนำหนังสัตว์มาฟอกทำกระเป๋ามากที่สุดคือ หนังวัว หนังควาย หนังแกะ หนังม้า หนังนกกระจอกเทศ หนังจระเข้ และหนังปลากระเบน ซึ่งหนังวัวจะได้รับความนิยมสูงมาก เพราะมีความสวยงามและยืดหยุ่นมากกว่า รองลงมาคือหนังจระเข้ ที่มีลายโดดเด่น แต่มีราคาสูงกว่ามาก ส่วนรูปแบบที่นิยมผลิตกันที่เห็นอยู่ท้องตลาดทั่วไป เช่น กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าใส่เอกสาร รวมไปถึงรองเท้า เสื้อผ้า และพวงกุญแจ
กระเป๋าหนังเทียม คือ การทำสารสังเคราะห์มาปรับแต่งและแปรรูปให้พื้นหนังมีความใกล้เคียงกับแท้มากที่สุด โดยในประเทศไทยเราเองจะนิยมทำอยู่ 3 ประเภท คือ หนังพียู (PU) หนังพีวีซี (PVC) และหนังไมโครไฟเบอร์ (Microfiber) ส่วนกลิ่นของหนังเทียมนั้น แน่นอนว่าจะไม่มีกลิ่นเหมือนหนังแท้เพราะไม่ได้ผ่านการฟอกหนัง จึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นกระเป๋าหนังแท้
แบบหนัง 4 ประเภท ที่ปัจจุบันใช้มาทำกระเป๋า
1. หนังสัตว์
อ้างอิง : officemate
หนังสัตว์หรือที่เรียกว่าหนังแท้ นอกจากจะเป็นหนังสัตว์ใหญ่อย่างวัว ควาย จระเข้ แล้ว ยังมีหนังปลานิล หนังคางคก ซึ่งพื้นผิวนั้นจะมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนการฟอกหนังและความชำนาญของโรงงานด้วย ส่วนใหญ่หลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 2 แบบ คือ
หนังฝาด จะใช้การฟอกด้วยฝาดยางของไม้ธรรมชาติ วิธีนี้เรียกว่าการฟอกหนังแบบออแกร์นิค
หนังอัดลาย จะฟอกและอัดด้วยแม่แบบ ซึ่งสามารถอัดลวดลายที่สวยงาม ทำหนังวัวให้เป็นลายหนังจระเข้ได้ ทำให้แบบกระเป๋านี้มีความสร้างสรรค์และสวยงาม ข้อดีคือหนังแท้จะมีการระบายอากาศได้ดีกว่า มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี แต่ไม่สามารถกันน้ำได้ และมีราคาสูงกว่าหนังทั่วไป ส่วนน้ำหนักนั้น โดยปกติแล้วหนังแท้จะมีน้ำหนักเยอะกว่าหนังเทียมอยู่แล้ว แต่ในการผลิตตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าโรงงานจะใช้ความหนาประมาณเท่าไร
2. หนัง PU (Poly Urethane)
อ้างอิง : gianferrente
หนังพียู เรียกได้ว่าได้รับความนิยมสูงมากและมีการผลิตอย่างแพร่หลายในปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพราะพื้นผิวมีลักษณะที่นุ่ม ใกล้เคียงกับหนังแท้ สามารถทนต่อการขีดข่วนได้ดีกว่าหนังสัตว์ แต่ไม่สามารถระบายอากาศได้ดี แต่สามารถกันน้ำได้ มีอายุการใช้งาน 1-2 ปี และมีราคาในตลาดไม่สูงมาก
3. หนัง PVC (Poly Vinyl Chloride)
อ้างอิง :gianferrente
หนังเทียมชนิดนี้จะมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง และสามารถผลิตออกมาเป็นสีสันต่าง ๆ ได้หลากหลาย จึงได้รับความนิยมในหลาย ๆ อุตสาหกรรม และยังมีการนำไปผลิตเป็นกระเป๋า เฟอร์นิเจอร์ได้เยอะกว่าเพราะทนต่อแรงเสียดทาน รับน้ำหนักได้ดี
ข้อดีของหนังพีวีซี คือ มีอายุการใช้งานนานแต่ขึ้นอยู่กับโรงงานผลิตอีกที หากมีความทนทานสูงก็จะมีราคาสูงขึ้นตาม และยังสามารถกันน้ำได้ แถมยังมีราคาถูกกว่าหนังพียูและหนังแท้อีกด้วย
4. หนัง Microfiber
อ้างอิง : winiw
หรือจะเรียกว่าหนัง Vegan Microfiber เป็นหนังที่กำลังได้รับความนิยมสูงและเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ เพราะมีอายุการใช้งานใกล้เคียงกับหนังแท้ และมีพื้นผิวสัมผัสที่คล้ายหนังสัตว์มากที่สุด ยิ่งปัจจุบันนี้ความผู้คนเริ่มหันมาลดเลิกใช้กระเป๋าที่ทำจากหนังแท้กันมากขึ้น หนังชนิดนี้จึงตอบโจทย์ให้กับคนยุคใหม่เป็นจำนวนมาก
ส่วนข้อดีนั้นเรียกได้ว่าครอบคลุมทุกอย่าง ทั้งทนทานต่อการขีดข่วน ระบายอากาศได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ไม่เป็นเชื้อราได้ง่าย และมีราคาไม่สูงมาก
กระเป๋า Valencia จากร้าน with love
เมื่อมารู้จักประเภทของกระเป๋าหนังต่าง ๆ กันไปแล้ว และอยากจะมีกระเป๋าเก๋ ๆ ไว้ครอบครองสักใบ ที่สามารถพกพาสะดวกไปได้ทุกที่ แนะนำเลยกระเป๋าหนังที่สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้เป็นกระเป๋าชิ้นเดียวในโลกในแบบฉบับของตัวคุณเองได้ เพราะสามารถสั่งพิมพ์ชื่อ อักษรย่อพิเศษ หรือข้อความที่ต้องการได้
นอกจากจะสั่งซื้อมาเป็นเครื่องประดับร่างกายให้กับตัวเองแล้ว ยังสามารถมอบเป็นของขวัญให้กับเพื่อนได้ กระเป๋ารุ่นนี้ สามารถใส่โทรศัพท์ บัตรเครดิต เงิน หรือของจุกจิก รับรองเลยว่าดูสวย มีความคลาสสิก แมชต์เข้ากับการแต่งตัวทั้งสไตล์เกาหลีและสายฝอได้สบาย
หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะได้รับความรู้เกี่ยวกับประเภทของหนังที่นำมาใช้กระเป๋ากันมากขึ้น และพอจะเข้าใจว่าทำไมหนังแท้ถึงมีราคาแพงกว่าหนังเทียมถึงเท่าตัว แต่ทุกแบบของหนังนั้นก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้มากกว่าว่าชอบแบบไหน เพราะไม่ว่าจะทำมาจากวัสดุชนิดใด แต่หากมีการเก็บ ดูแลรักษาอย่างดีแล้ว ก็สามารถใช้งานได้นานหลายปีเช่นกัน
บทความที่เเนะนำ